10 เครื่องชงกาแฟสด แนว Slow life ยอดนิยม ของคอกาแฟ
สำหรับคอกาแฟทุกท่าน ต้องมีหลายท่านที่กำลังคิดอยู่แน่ๆว่าอยากหาเครื่องทำกาแฟมาลองดิปกาแฟกินเองแบบชิวๆ ยิ่งช่วงนี้หลายๆท่าน work from home น่าจะยิ่งสนใจเครื่องชงกาแฟสดเพื่อใช้ภายในบ้าน ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำ 10 เครื่องชงกาแฟสด แนว slow life ยอดนิยม ของคอกาแฟ
1. ชงกาแฟ แบบ French Press หรือ เรียกว่า Coffee press
การชงกาแฟ แบบ French Press ถูกออกแบบและคิดค้นครั้งแรกประมาณ ปี 1929 โดยชาวอิตาลี (Attilio Caliman) มีการพัฒนา และออกแบบใหม่จนมีหน้าตาเหมือนในรูป ต่อมาได้มีการจดสิทธิบัตร ที่ประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้นมีการผลิตขายทั่วโลก และเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน วิธีการชงกาแฟ คือใช้เมล็ดกาแฟคั่วปรับบดหยาบ แล้วใส่น้ำร้อนเติมลงไปในแก้ว กด(Filter) เพื่อแยกผงกาแฟ ไว้ด่านล่างของตัวแก้ว เราก็จะได้น้ำกาแฟดำ พร้อมดื่ม
2. ชงกาแฟแบบดริป (Coffee Drip Brew)
กาแฟดริป คือการใช้น้ำร้อนไหลผ่านผงเมล็ดกาแฟ มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมัน โดย Melitta Bentz ในปี 1908 ต่อมาคนญี่ปุ่นนำไปพัฒนาต่อ จนได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น และการชงกาแฟแบบนี้ก็นิยมไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ปัจจุบันมีร้านขายกาแฟดริปในประเทศไทยหลายร้าน
อุปกรณ์ในการชงกาแฟดริปหลักๆ จะประกอบไปด้วย ถ้วยกรวยดริป(Driper),
กระดาษดริป(Drip filter),โถสำหรับใส่กาแฟ(Drip Server) ,และ กาดริป ที่ ตัวกาจะมีพวยปากกาที่เล็ก ให้น้ำไหลออกที่ละน้อยๆ วีธีการทำจะมีลายเอียดค่อยข้างเยอะ แต่ก็ชงไม่ยาก ร้านที่ชงขายก็จะมีเทคนิค และเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติ เมล็ดกาแฟที่แตกต่างกันไป
3.ชงกาแฟแบบ Moka pot
ถูกคิดค้นโดย ชาว อิตาลี Alfonso Bialetti ในปี 1933 นิยมมากๆในประเทศอิตาลี เกือบทุกบ้านต้องมี หม้อต้มกาแฟ แบบ Moka Pot และ ปัจจุบันการชงแบบนี้ก็นิยมมากไปทั่วโลก ในประเทศไทยก็ด้วยเช่นกัน มีร้านกาแฟที่ใช้ Moka pot อยู่หลายร้าน และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับ คนที่ชอบ ดื่มกาแฟแบบ Espresso เพราะรสชาติจะใกล้เคียงกับเครื่องชงแบบ Espresso Machine โดยหลักการ คือ ใช้น้ำร้อนและมีแรงดันผ่านผงกาแฟ ก็จะได้น้ำกาแฟ ที่สามารถนำไปทำ กาแฟร้อน หรือ เย็น ล้าเต้,คาปูชิโน, ม็อคค่า ต่อไป
4 ชงกาแฟแบบเวียดนามสไตล์ (Vietnamese Coffee)
ชงกาแฟ แบบเวียดนาม คือใช้น้ำร้อนผ่านผงเมล็ดกาแฟจากบนลงล่าง เหมือนกับการชงกาแฟดริป แต่ ด้วยอุปกรณ์การชงที่เรียบง่ายและไม่สิ้นเปลืองกระดาษกรอง (Drip Filter Paper) และวัสดุก็ดูคงทนแข็งแรง สามารถมีอายุการใช้งานได้นาน คนเวียดนามจะใช้นมข้นหวาน คล้ายกับกาแฟไทยเลย การชงกาแฟ ดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เป็นอุปกรณ์ชงกาแฟชนิดหนึ่ง ที่น่าสนใจ
5. ชงกาแฟ แบบ Aeropress Coffee
AeroPress ได้ออกแบบคิดค้นตอนปี 2005 โดย บริษัท Aerobie ประเทศอเมริกา ออกแบบมาเพื่อพกพาสะดวก ได้รสชาติกาแฟที่ดี เหมือน เครื่องชงกาแฟ Espresso Machine น้ำกาแฟที่ได้ไม่มีผงกาแฟปนมาด้วย เพราะมี filter ละเอียดมาก ราคาก็ไม่แพงมาก ตัว AeroPress ทำจากพลาสติกทนความร้อนได้ วิธีการชงกาแฟ คือใส่ผงเมล็ดกาแฟบดลงไป เติมน้ำร้อนลงไป รอสักพักหนึ่ง แล้วกด และดันน้ำกาแฟ ลงไปที่แก้วด้านล่าง ก็จะได้น้ำกาแฟ ที่มีความเข้ม
6. ชงกาแฟ แบบ Rok Coffee (ROK Manual Espresso Maker)
Rok Coffee Maker ได้ออกแบบและเริ่มขาย ใน ปี 2012 โดย rokkitchentools ประเทศอังกฤษ โดยหลักการคือใช้น้ำร้อนและแรงดันผ่านผงเมล็ดกาแฟ รูปร่าง และการชงดัดแปลงเพิ่มเติมจาก การชงกาแฟ แบบ Aeropress Coffee ทำให้สะดวกมากได้น้ำกาแฟที่เข้มข้น และน้ำกาแฟ ก็มีครีม่าสวยงามยังกับได้ใช้เครื่องชง Espresso Machine ราคาแพงๆ เลย
7. ชงกาแฟ แบบ ไซฟอน (Syphon Coffee Maker)
ชงกาแฟสดแบบไซฟอน ซึ่งชงแบบไซฟอนจะใช้เครื่องชง Syphon Coffee Maker เป็นเครื่องชงสูญญากาศที่ถูกคิดค้นขึ้นในสมัย ค.ศ. 1840 โดยชาวญี่ปุ่นชื่อว่า อะกิรา โคโนะ การทำงานคือต้มน้ำให้เดือด เมื่อน้ำเดือด น้ำจะดันตัวขึ้นไปข้างบนซึ่งด้านบนจะมีเมล็ดกาแฟคั่วบด และ เมื่อปิดไฟ น้ำจะไหลจากด้านบนลงมาด้านล่างอีกครั้งแค่นี้ก็จะได้น้ำกาแฟสด
8. ชงกาแฟแบบ ไทยโบราณ (Thailand Coffee Classic)
กาแฟไทยโบราณ คือการใช้น้ำร้อนผ่านผงเมล็ดกาแฟใช้ถุงผ้าเป็นตัวกรองผงกาแฟ
การชงกาแฟ แบบไทยต้องใช้ประสบการณ์สักนิดเพราะเครื่องมือในการชงมันดูจะเบสิคมาก ถ้าจะทำกาแฟไทยก็ต้องมีนมข้นหวาน นมจืด น้ำตาลด้วย โดยมากมักจะใช้เมล็ดกาแฟโรบัสตา จากภาคใต้ เพราะรสชาติเข้มขมมาก การคั่วกาแฟไทยโบราณจะมีการผสมอย่างอื่นด้วย เช่น ใส่ง่าดำเข้าไปด้วย
9. ชงกาแฟแบบ Percolator Coffee
ชงกาแฟแบบ Percolator Coffee เป็นการชงกาแฟ แบบน้ำร้อนไหลเวียนผ่านผงเมล็ดกาแฟเมื่อน้ำเดือด ยิ่งต้มนานรสชาติของกาแฟจะ เข้มมาก หม้อ Percolator เหมาะกับการชงกาแฟ ครั้งล่ะมากๆ นิยมใช้ในการทำกิจกรรมเดินป่า Outdoor นิยมในประเทศ อเมริกา
10. ชงกาแฟ แบบ Cold Brew Coffee
ชงกาแฟแบบ Cold Brew Coffee คือการใช้น้ำแข็งแล้วให้น้ำเย็นหยดไหลผ่าน ผงเมล็ดกาแฟ แบบช้าๆ อาจจะช้าถึง 3–4 ชั่วโมง Slow life มากๆ กว่าจะกาแฟสักแก้ว
ในประเทศไทยก็มีร้านที่ใช้การชงแบบนี้อยู่บ้าง คงต้องสั่งจองกันลวงหน้าเพราะวันหนึ่งคงได้แค่ 1–2 แก้วเท่านั้นเอง