ปัจจุบันการชงกาแฟได้พัฒนาไปหลากหลาย ขึ้นอยู่กับ องค์ประกอบหลายอย่างได้แก่ สายพันธุ์ กระบวนการผลิต การคั่ว การเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ ซึ่งการเลือกวิธีชงกาแฟนั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจและความชื่นชอบของผู้ที่ดื่ม ซึ่งในยุคแรกๆคือการต้มดื่ม ต่อมาพัฒนาจนมาเป็นเครื่องชงกาแฟ

ปัจจุบันมีเครื่องชงกาแฟชนิดต่างๆ ออกมาวางจำหน่าย มากมายหลายชนิดเพื่อกลั่นเป็นกาแฟที่มีรสชาติต่างกันให้คอกาแฟได้เลือกดื่มตามกันตามที่ชอบและตามที่ต้องการ โดยเครื่องชงกาแฟนั้น หลักๆ มี 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

1. Espresso Machine เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ เป็นเครื่องชงกาแฟที่ร้านกาแฟนิยมใช้มากที่สุด โดยใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันไอน้ำในหม้อต้ม เพื่อกลั่นเอารสชาติของกาแฟออกมา โดยที่ใช้น้ำน้อยที่สุด เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น และความหอมที่อบอวลอย่างเต็มที่

2. Drip Coffee (กาแฟดริป) เครื่องชงแบบหยด เป็นเครื่องชงกาที่นิยมใช้กัน เนื่องจากราคาถูก ใช้งานง่าย ได้กาแฟรสชาติปานกลาง ไม่เข้มมากนัก โดยใช้น้ำร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียส รินด้านบนของผงกาแฟ ไหลผ่านกระดาษกรอง และหยดลงเป็นน้ำกาแฟ

3. French Press เครื่องชงแบบฝรั่งเศส ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นแบบลูกสูบ วิธีการชงคือใส่ผงกาแฟลงไปในกระบอกที่เรียกว่า Plunger แล้วรินน้ำร้อนให้ท่วมผงกาแฟ รอจนชุ่มน้ำ แล้วกดลูกสูบเพื่อให้ได้น้ำกาแฟไหลออกมาก

4. Moka pot (กาต้มกาแฟ) ทำงานโดยต้มน้ำกลั่นไอผ่านผงกาแฟ ซึ่งจะทำให้ได้น้ำกาแฟที่มีความใกล้เคียงกับการชงแบบเอสเปรสโซ่

5. Syphon (ไซฟอน) เครื่องชงแบบสุญญากาศ ตัวเครื่องจะเป็นแก้วใส ใช้ระบบความดันไอน้ำ ส่วนบนประกอบด้วยฟิลเตอร์ที่มีกากกาแฟคั่วบดละเอียดเติมอยู่ วิธีการต้มต้องจุดด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์ เมื่อน้ำเดือดไอน้ำจะลอยขึ้นกระทบกับฟิลเตอร์ เมื่อดับตะเกียง ระบบจะทำการกรองน้ำกาแฟให้ไหลลงมาด้านล่าง

6. Percolator (หม้อต้มกาแฟ) เครื่องชงกาแฟประเภทนี้ จะมีราคาค่อนข้างสูง นิยมใช้ตามโรงแรมต่างๆ โดยตัวเครื่องจะต้มน้ำพอเดือด แล้วไหลไปตามท่อปั๊มผ่านตะกร้าที่ใส่ผงกาแฟ เพื่อให้ได้น้ำกาแฟหยดลงสู่เหยือก

การชงกาแฟแต่ละสไตล์จะได้รสชาติที่แตกต่างกันไป และที่แตกต่างกว่านั้นคือ สุนทรียภาพในการชงกาแฟ ที่จะทำให้เราเพลิดเพลินกับการชงและการดื่มกาแฟ แล้วเราจะเลือกการชงแบบไหนดี คงต้องพิจารณาตามความชอบส่วนตัวก็แล้วกันนะคร้าบ