การดื่มกาแฟกลายเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ของอิตาลี มากกว่าที่ไหนๆ ในยุโรป เพราะเมนูกาแฟ ก็มีหลากหลายมากมาย น่าแปลกที่ว่าที่ประเทศอิตาลี ไม่มีการปลูกกาแฟ แต่กรรมวิธีในการผลิตนั้นทำให้อิตาลีเป็นชาติหนึ่งที่ขึ้นชื่อในกาแฟ กลิ่นหอมจากการบดคั่วของเมล็ดกาแฟ นำมาบดและกลั่นความเข้มข้นออกมาให้ได้ดื่มกัน

      กาแฟของชาวอิตาเลี่ยนคือ Espresso คือเป็น ทางอิตาลีนิยมดื่มเอสเพรสโซร้อน ในการชงกาแฟไม่ได้ใช้เมล็ดกาแฟคั่วเข้มหรือไหม้ จึงทำให้ไม่ขม ทานได้เรื่อยๆ แต่บางที่กาแฟจะมีรสแก่และเข้ม แก้วเล็ก จิบแค่อึดใจก็หมด แต่ไมไ่ด้ขมมาจากพันธุ์ของกาแฟ แต่เป็นกรรมวิธีในการชง คือการใช้แรงดันไอน้ำหรือน้ำร้อน กลั่นผ่านเมล็ดกาแฟที่คั่วละเอียดออกมา แก้วเล็กนิดเดียวแต่ได้รสชาติที่เข้มข้น  ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ จากภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า เร่งด่วน

      ชาวตะวันตกนิยมดื่มคาปูชิโนหรือลาเต้ในช่วงเช้า พร้อมอาหารเช้าหรือหลังอาหารเช้า เพราะมีส่วนผสมของนม ดื่มง่ายไม่เข้มเกินไปสำหรับช่วงเช้าๆ อากาศดีๆ แล้วพอทานมื้อเที่ยงเสร็จ ก็จะดื่มพวกกาแฟดำหรือเอสเพรสโซเพื่อช่วยย่อยอาหาร   ตอนบ่ายก็จิบชากับขนม ตอนเย็นมื้อเย็นก็ยังดื่มกาแฟเพื่อช่วยย่อยอีกเช่นกัน และรวมถึงการดื่มไวน์ก็มักจะทานหลังมื้อหรือระหว่างมื้ออาหารเลย ไม่มีการดื่มกาแฟเพื่อแก้ง่วงเหมือนบ้านเรา จะมีบ้างแล้วแต่กรณีที่ดื่มกาแฟเพื่อแก้ง่วง ต้องดูวัฒนธรรมของแต่ละที่ด้วย เปรียบเสมือนเครื่องดื่มที่ดื่มไปคุยไป ดื่มไปทำงานไป ดื่มไปพักผ่อนไป เหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

      ชาวตะวันตกจึงนิยมดื่มกาแฟที่คาเฟ่ ( Cafe’) คือมีกาแฟ แอลกอฮอล์  บุหรี่ อาหาร จึงเกิดเป็นสังคมของกลุ่มคนขึ้น เป็นที่นัดพบ เป็นที่พบปะสังสรรค์ พูดคุย เจรจาธุระ พักผ่อน อ่านหนังสือ ไม่เป็นทางการมากนัก ถ้าเป็นร้านกาแฟเฉพาะก็อาจจะมีโรงคั่วกาแฟอยู่ด้านหลัง คือคั่วกาแฟมาขายหน้าร้านและขายเป็นเครื่องดื่มด้วย พวกนี้จะมีกาแฟที่ดีเป็นพิเศษ หาได้ยาก อร่อย เพราะจะมีการชงที่พิถีพิถันในการทำ ชงด้วยบาริสต้าให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติโดยเฉพาะ