วิธีการเลือกกาแฟดริปแบบซอง
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนดีกว่าค่ะว่าวิธีการเลือกกาแฟดริปแบบซอง มีเรื่องไหนบ้างที่เราควรจะรู้และพิจารณา
แหล่งกำเนิดของเมล็ดกาแฟจะให้กลิ่นและความเปรี้ยวของกาแฟที่แตกต่างกันออกไป
การปลูกและการผลิตเมล็ดกาแฟนั้นมีมากมายในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเมล็ดกาแฟที่มาจากแต่ละประเทศก็ให้ความเปรี้ยวและกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากคุณรู้จักคาแรคเตอร์ของเมล็ดกาแฟที่มาจากแหล่งกำเนิดในแต่ละที่อย่างชัดเจนก็จะช่วยให้คุณสามารถเลือกกาแฟดริปที่ถูกใจคุณมากขึ้น
เมล็ดกาแฟที่มาจากประเทศในกลุ่มทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้อย่างประเทศโคลอมเบีย กัวเตมาลา และบราซิล จะให้กลิ่นและรสเปรี้ยวที่สดชื่นอย่างลงตัว มีกลิ่นหอมและดื่มได้ง่ายจึงเหมาะกับมือใหม่หัดดื่มกาแฟและนิยมนำมาเบลนด์ผสมเข้ากับเมล็ดกาแฟชนิดอื่น ๆ เพื่อปรับรสชาติของกาแฟไม่ให้โดดจนเกินไป
เมล็ดกาแฟสุมาตรา (Sumatra Mandheling) มีรสชาติที่ไม่ค่อยเปรี้ยวแต่มีความขมเข้ม เหมาะสำหรับคนที่ชอบกาแฟดำบอดี้ (Body) หนัก ๆ
เมล็ดกาแฟจากแถบแอฟริกันอย่าง ประเทศเอธิโอเปียและเคนย่า จะมีรสเปรี้ยวแบบผลไม้ที่มีกลิ่นโดดเด่น รสกาแฟจากแต่ละประเทศในแถบนี้ก็มีความแตกต่างกันออกไป เช่น เมล็ดกาแฟภูเขาไฟจากยอดเขา Kilimanjaro ในประเทศแทนซาเนียที่มีความอมเปรี้ยวสดชื่นเป็นอย่างมาก เป็นรสพิเศษไม่เหมือนใครที่ได้รับความนิยม
กาแฟดริปแบบซองบางยี่ห้ออาจจะใช้เมล็ดกาแฟชนิดเดียวหรือที่เราเรียกกันว่า Single Origin หรืออาจจะใช้เมล็ดกาแฟหลายชนิดผสมกันหรือที่เราเรียกกันว่ากาแฟเบลนด์ ดังนั้นอยากให้คุณได้ลองชิมพร้อมอ่านรีวิวบรรยายประกอบเพื่อให้ได้กาแฟดริปที่มีรสชาติตรงใจมากขึ้น
คั่วอ่อนหรือคั่วเข้ม ระดับการคั่วแบบไหนที่จะถูกใจคุณ
ระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟนั้นโดยปกติจะมีอยู่ด้วยกันถึง 8 ระดับ ตั้งแต่การคั่วอ่อนมากไปยังอ่อนปานกลางไปจนถึงเข้มมากระดับ Italian Roast ซึ่งระดับการคั่วในแต่ละระดับก็ให้รสชาติความเข้มข้นที่ไม่เหมือนกันและถูกใจคอกาแฟแตกต่างกันไป
คนที่ชอบกาแฟรสขมและไม่ชอบกาแฟเปรี้ยวให้เลือกระดับคั่วเข้ม
กาแฟดริปที่ใช้คั่วระดับเข้มนั้นจะมีรสชาติขมและมีกลิ่นของกาแฟเข้มข้น รสชาติเปรี้ยวของกาแฟนั้นก็จะสลายไปจากกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟด้วยเช่นกัน ดังนั้นใครที่ไม่ชอบกาแฟรสเปรี้ยวนั้นให้เลือกเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วในระดับคั่วเข้ม เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วในระดับคั่วเข้มเองก็นิยมใช้ตามร้านกาแฟสดทั่วไป หากคุณอยากได้รสชาติเหมือนทานที่ร้านกาแฟสดก็สามารถเลือกซื้อกาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟคั่วเข้มด้วยเช่นกัน
กาแฟดริปแบบคั่วเข้มเหมาะสำหรับดื่มเพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้าหรือหลังอาหาร กาแฟที่คั่วในระดับเข้มแบบนี้ก็ยังเหมาะกับการดื่มแบบใส่นมเพื่อชงเป็น Café Au Lait อีกด้วย
คอกาแฟที่ต้องการสัมผัสกับรสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟให้เลือกแบบคั่วอ่อน
สำหรับคนที่อยากสัมผัสความเปรี้ยวสดชื่นอย่างเต็มที่ของรสชาติกาแฟ ก็ให้มองหากาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน เพราะกาแฟที่ผ่านความร้อนในการคั่วน้อยจะยังสามารถให้รสสัมผัสดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟได้ดีกว่าแบบที่คั่วเข้ม ยิ่งถ้าผ่านความร้อนในการคั่วมากขึ้นเท่าไหร่ ความขมของกาแฟก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ในขณะที่รสอมเปรี้ยวสดชื่นดั้งเดิมของกาแฟก็จะยิ่งลดลงไป
ดังนั้นใครที่ไม่ชอบกาแฟรสขมจัด หรือ คอกาแฟที่อยากได้รสดั้งเดิมของกาแฟก็ขอให้เลือกกาแฟที่ผ่านความร้อนในการคั่วน้อย ๆ เข้าไว้นะคะ กาแฟดริปแบบคั่วอ่อนนั้นเหมาะสำหรับรับประทานร่วมกับผลไม้และขนมหวานเบเกอรี่ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
ปริมาณของเมล็ดกาแฟที่บรรจุในซองกาแฟดริปก็เป็นเรื่องสำคัญ
โดยปกติแล้วกาแฟดริปที่วางขายกันทั่วไปในท้องตลาดจะมีปริมาณของเมล็ดกาแฟอยู่ที่ 7-12 กรัมต่อ 1 ซอง ซึ่งปริมาณกาแฟ 8 กรัมจะเป็นปริมาณที่พบเห็นกันบ่อยที่สุดสำหรับกาแฟดริปซอง หากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้กาแฟก็ขอให้เลือกกาแฟดริปที่มีปริมาณเมล็ดกาแฟมากกว่า 10 กรัมขึ้นไปต่อ 1 ซอง แต่หากใครที่เป็นมือใหม่หัดดื่มกาแฟก็ขอให้ลองเริ่มต้นที่ 8 กรัมดูก่อนนะคะ
เลือกกาแฟไม่มีคาเฟอีน (Decaf) สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
ปัจจุบันนี้มีกาแฟแบบที่ไม่มีคาเฟอีน (Decaf) วางจำหน่าย โดยกาแฟแบบนี้เหมาะสำหรับดื่มหลังจากรับประทานอาหารเย็นและก่อนจะเข้านอน เพราะจะไม่ทำให้คุณนอนไม่หลับ นอกจากนี้กาแฟชนิดที่ไม่มีคาเฟอีนยังเหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์อีกด้วยค่ะ เพราะคาเฟอีนจะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ได้
คาเฟอีนในกาแฟจะถูกกำจัดด้วยน้ำหรือคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งส่งผลให้รสและกลิ่นของกาแฟเปลี่ยนไปได้ ดังนั้นก่อนจะซื้อกาแฟดริปชนิดที่เป็นแบบ Decaf ให้ซื้อแบบกล่องเล็กมาลองดื่มดูก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นการสิ้นเปลืองถ้ารสชาติไม่ถูกใจคุณ
เลือกาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟออร์แกนิคสำหรับคนรักสุขภาพ
สำหรับคนที่รักสุขภาพ กาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟออร์แกนิคก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ เพราะเมล็ดกาแฟแบบนี้มักจะเพาะปลูกในพื้นที่ธรรมชาติด้วยกระบวนการแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) ที่ไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงในกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟมานานกว่า 2 ปี
กาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟออร์แกนิคจะมีฉลากระบุเอาไว้บนผลิตภัณฑ์ ถ้าเป็นสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นจะมีตรา JAS หากเป็นสินค้าของประเทศฝรั่งเศสจะเป็นตรา ECOCERT ในขณะที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปจะใช้สัญลักษณ์ EU Leaf ส่วนประเทศอเมริกาจะเป็นคำว่า USDA Organic ของอเมริกา และในประเทศไทยเองก็ได้ใช้สัญลักษณ์ Good Agriculture Practices (GAP) เพื่อระบุว่ากาแฟนั้นได้จากการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม
กาแฟดริปแบบที่รวมหลายรสหลายกลิ่นในกล่องเดียวกันเหมาะสำหรับให้เป็นของขวัญ
การให้กาแฟดริปแบบซองเป็นของขวัญก็นับว่าเป็นไอเดียที่ดีมากทีเดียวเลยนะคะ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าคนที่เราต้องการให้ของขวัญชื่นชอบการดื่มกาแฟสไตล์ไหน ดังนั้นคุณสามารถเลือกกาแฟดริปที่รวมหลายกลิ่นหลายรสเอาไว้ในแพ็กเกจเดียวกันเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับเจ้านาย ผู้ใหญ่ เพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักก็ได้ หรือหากคุณเป็นคนชอบลองกาแฟหลายรสชาติก็ลองหาซื้อกาแฟดริปแบบนี้มาติดไว้ที่บ้านหรือที่ทำงานดูนะคะ รับรองได้เลยว่าการดื่มกาแฟดริปของคุณจะต้องสนุกมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ
แบรนด์กาแฟดริปในแต่ละแบรนด์ก็อาจจะมีการใช้เมล็ดกาแฟที่แตกต่างกันออกไป บางแบรนด์ก็มีการผสมสูตรเมล็ดกาแฟขึ้นมาจากหลายสายพันธุ์ ยังไงก็ลองอ่านจากคำแนะนำของผู้จำหน่ายกาแฟหรือรีวิวประกอบไปด้วยกันนะคะ
วันผลิตและวันหมดอายุก็เป็นเรื่องที่คุณห้ามลืมเช็กเด็ดขาด
กาแฟนั้นจะเกิดการแปรสภาพ (Oxidized) ตั้งแต่วินาทีที่เราได้ทำการบดจากเมล็ดให้เป็นผง โดยการแปรสภาพนี้จะส่งผลต่อกลิ่นและรสที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่ากาแฟดริปแบบซองจะถูกบรรจุแยกกันเป็นซอง ๆ ออกจากกันแต่ก็สามารถเกิดการแปรสภาพขึ้นภายในซองได้เช่นเดียวกัน ยิ่งเวลาผ่านไปนานกาแฟก็จะเสื่อมสภาพมากขึ้น ดังนั้นก่อนจะซื้อกาแฟดริปแบบซองต้องดูวันที่ผลิตและวันที่หมดอายุบนฉลากให้ดีนะคะ เพื่อให้คุณได้ลิ้มรสกาแฟที่สดใหม่อยู่เสมอ
ปัจจุบันนี้มีแบรนด์กาแฟดริปหลายแบรนด์ที่จะให้คุณสั่งกาแฟดริปก่อน แล้วทางผู้ผลิตจึงค่อยทำการบดและบรรจุลงซองให้ เราก็อยากให้คุณได้ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมตรงส่วนนี้ด้วยนะคะ