กาแฟ บำรุงหรือทำร้ายผิว

กาแฟเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน อย่างน้อยตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องดื่มสัก 1 แก้ว แต่รู้ไหมว่า กาแฟที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนั้น ส่งผลอะไรบ้างกับผิว บ้างก็บอกว่าการดื่มกาแฟทำร้ายผิว บ้างก็มีว่า กาแฟก็มีประโยชน์เช่นกันนะ อย่างที่เห็นว่ามีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหลายตัวที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่ แต่จริงๆ แล้ว กาแฟ บำรุงหรือทำร้ายผิว กันแน่

เราจะพาไปหาคำตอบว่า แท้จริงแล้วกาแฟให้ผลร้ายหรือให้ผลดีกับผิวเรากันแน่

การดื่มกาแฟส่งผลอะไรกับผิว

กาแฟ...บำรุงหรือทำร้ายผิว_2

ผิวแห้ง

คาเฟอีนในกาแฟจะทำให้ผิวของเราแห้งขาดน้ำ และทำให้ไตทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ร่างกายผลิตสารพิษออกมา มีผลกระทบต่อระบบของผิว อีกทั้งคาเฟอีนทำให้ร่างกายเราขับปัสสาวะออกมามาก ทำให้ร่างกายของเราขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงผิว แล้วผิวแห้งทำให้เกิดปัญหาอะไรตามมา? ทำให้ผิวเกิดการอักเสบและสูญเสียคอลลาเจนได้ และเกิดริ้วรอยตามมา อีกทั้งถ้าผิวเรามีน้ำมาหล่อเลี้ยงไม่มากพอ ก็จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้อีกด้วย

รูขุมขนอุดตัน

กาแฟไม่ได้ทำให้เกิดปัญหารูขุมขนอุดตัน แต่สิ่งที่มากับกาแฟ อย่างเช่น น้ำตาล นม ส่งผลให้รูขุมขนของเราเกิดการอุดตันได้ และรูขุมขนอุดตันที่ว่าก็สามารถส่งผลให้เกิดปัญหาสิวบนผิวหน้าเราตามมาได้อีกด้วย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบทานกาแฟรสหวานละก็อาจจะต้องระวังปัญหานี้ไว้สักหน่อยนึง

ป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง

นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นข้อดีของการดื่มกาแฟเลยก็ได้ เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีผลงานวิจัยออกมาว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟถึง 20% แต่นักวิจัยก็ได้บอกว่า วิธีการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันอันตรายจากโรคมะเร็งผิวหนังก็คือ การหลีกเลี่ยงจากแสง UV ส่วนกาแฟจะเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น


กาแฟบำรุงและสครับผิว

เราคงเคยเห็นว่าในผลิตภัณฑ์ Skin Care ต่างๆ มีการผสมสารคาเฟอีนลงไปด้วย อย่างเช่น อายครีม ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา และลดความอ่อนล้าของผิวหนังได้ เนื่องจากคาเฟอื่นมีสรรพคุณในการลดการขยายหลอดเลือดได้

กาแฟ...บำรุงหรือทำร้ายผิว_3.3

นอกจากนี้ เราคงได้ยินกันว่า มีการใช้กากกาแฟมาสครับหรือมาพอกผิวหนัง เพื่อให้มีความกระจ่างใสมากขึ้น แต่ก็มีผลงานวิจัยออกมาว่า ในกากกาแฟนั้นมีคาเฟอีนหลงเหลืออยู่เพียง 0.5% และกว่าสารต่างๆ ที่อยู่ในกากกาแฟจะซึมเข้าสู่ผิวหนังนั้นต้องใช้เวลากว่า 1-2 ชั่วโมงถึงจะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ นั่นหมายความว่า กากกาแฟมีประสิทธิภาพในการเข้าไปบำรุงผิวได้น้อยมาก ทั้งสารคาเฟอีนที่หลงเหลืออยู่ก็น้อย แถมต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิดกระบวนเข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งเราก็อาจไม่ได้ใช้เวลาสครับผิวนานถึงชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมง

ฉะนั้น ประเด็นที่ว่าการสครับผิวด้วยกากกาแฟนั้น บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่ยังเป็นคำถาม ที่เราจำเป็นต้องค้นหาคำตอบต่อไปอย่างละเอียดอีกทีว่า แท้จริงแล้วมันสามารถบำรุงผิวได้จริงหรือไม่

สรุปแล้ว กาแฟที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนั้น ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียกับผิวเรา ซึ่งผลที่เกิดขึ้นมานั้นก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการกิน และวิธีการใช้ด้วย และถึงแม้ว่ากาแฟจะมีข้อดีต่อผิวในบางประการ แต่การดื่มกาแฟมากไปก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ ใจสั่น และยังส่งผลกระทบด้านอื่นต่อผิวด้วย ฉะนั้น แล้วทานในปริมาณที่พอดีจะดีกว่า