5 ประเภทกาแฟที่ “Coffee Lover” ต้องรู้!

แหม! สมัยนี้ คนคูลๆ เขากินกาแฟกันทั้งนั้นแหละค่ะ แต่เวลาไปสั่งยังสั่งผิดสั่งถูกกันอยู่เลย เอาเป็นว่าไม่รู้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่จะเรียกตัวเองว่า “คอกาแฟ” หรือ “Coffee Lover” ก็ลองรู้ข้อมูลเหล่านี้ไว้ ประดับความรู้กันสักหน่อยก็ไม่เสียหายหนิคะ

Coffee Lover

ทั้งนี้ทั้งนั้น จะเป็นคอกาแฟกับเขาทั้งที ลองมารู้ประเภทกาแฟกันสักหน่อยว่ากาแฟมีกี่ประเภท? ส่วนผสมอะไรยังไงบ้าง? ใครยังสับสนงงๆ เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

.


.

Caffè Espresso

Espresso หรือ เอสเปรสโซ” เป็นกาแฟตัวแม่ที่มีรสเข้มที่สุด เพราะถูกสกัดออกมาเป็นช็อตๆ เพื่อเป็นตัวตั้งต้นในการชงกาแฟสูตรอื่นๆ ต่อไปนั่นเอง  กาแฟชนิดนี้จะมีรสชาติขมปนหวาน ที่มาของชื่อ เอสเพรสโซ มาจากคำภาษาอิตาลี “espresso” แปลว่า เร่งด่วน เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส สำหรับคอกาแฟที่แท้จริง มักจะดื่มเอสเพรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนมด้วยซ้ำ และมักจะเสิร์ฟเป็นช็อต ทั้งนี้ ร้านไหนกาแฟเด็ดไม่เด็ดก็อยู่ตรงที่เอสเปรสโซนี่แหละค่ะ

.

เอสเปรสโซ ประกอบไปด้วย
กาแฟล้วน ไม่มีส่วนผสมของนมใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งถูกชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด

.


.

Caffè Americano

Americano หรือ “อเมริกาโน่” กาแฟที่ชงโดยเติมน้ำร้อนผสมลงไปในเอสเปรสโซ ซึ่งเป็นการเจือจางความเข้มของเอสเปรสโซด้วยน้ำร้อน หลายคนอาจเคยสงสัยว่า “แล้วโอเลี้ยงของบ้านเราล่ะ?” คำตอบคือมันคล้ายๆ เหมือนพี่น้องกันแหละค่ะ แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เพราะส่วนใหญ่โอเลี้ยงใช้กาแฟสำเร็จรูป แล้วเติมน้ำร้อน เพราะผงโอเลี้ยงนั้นไม่ใช่ผงกาแฟ100% เหมือนอย่างอเมริกาโน่เค้าแล้วแต่สูตรของแต่ละเจ้า อาทิเช่น ข้าวคั่ว เมล็ดข้าวโพด เม็ดมะขาม ผสมลงไปคั่วในกระทะ กระจ่างแล้วเนอะ? สำหรับอเมริกาโน่นั้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานกาแฟดำ เพราะไม่เข้มเท่าเอสเปรสโซเพียวๆ มักจะเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นค่ะ

.

อเมริกาโน่ ประกอบด้วย
เอสเปรสโซ 1 ส่วน ผสมกับน้ำร้อนอีก 1 ส่วน


Caffè Cappuccino

“Cappuccino” หรือ “คาปูชิโน” อีกหนึ่งเมนูกาแฟซึ่งเป็นที่นิยมรองจากลาเต้เลยก็ว่าได้ เพราะคาปูชิโนมีส่วนผสมของนม ซึ่งทำให้ทานง่ายเหมือนๆ กับลาเต้ แต่รสชาติจะเข้มข้มกว่าสักหน่อย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน จุดเด่นของคาปูชิโนคงหนีไม่พ้นฟองนมนุ่มๆ ที่อยู่ด้านบนกาแฟ ซึ่งจะโรยด้วยผงซินนามอน หรือผงโกโก้เล็กน้อย สำหรับในประเทศต้นกำเนิดคาปูชิโนอย่าง “อิตาลี” มักจะทานคาปูชิโนเสิร์ฟคู่กับขนมปังหรือคุกกี้ในมื้อเช้า แต่สำหรับบ้านเราจะทานตอนไหนก็ได้หมดแหละค่ะ

.

คาปูชิโน ประกอบด้วย
เอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อนผ่านไอน้ำหรือนมสตรีม 1/3 ส่วน
และนมตีเป็นโฟมละเอียด 1/3 ส่วนลอยอยู่ด้านบน

Caffè Mocha

Caffè Mocha หรือ “มอคค่า” หลายคนน่าจะรู้จักมอคค่าในรูปแบบกาแฟผสมช็อคโกแลตนั่นเอง จุดเด่นของมอคค่าไม่บอกก็คงทราบกันดีกว่าทั้ง “หอม หวาน มัน” โดยส่วนใหญ่ บาริสต้ามักจะเพิ่มวิปครีมหนาๆ และราดด้วยไซรัปช็อคโกแลตบนหน้ากาแฟ ซึ่งบอกได้เลยว่าถึงคนที่ไม่ใช่คอกาแฟ เมื่อได้ทานก็ต้องติดใจ สำหรับมอคค่า สามารถสั่งได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นใส่น้ำแข็ง ส่วนใหญ่จะมีวิปครีมปิดหน้า ถึงจะอ้วนยังไงก็ขอทานต่อค่ะ

.

มอคค่า ประกอบไปด้วย 
เอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วน นมร้อนผ่านไอน้ำ 2/3 และช็อคโกแลต
โดยมักจะใส่ในรูปของไซรัปช็อคโกแลต

.


Caffè latte

Caffè latte หรือ “ลาเต้” กาแฟสำหรับคอกาแฟระดับ Beginner เพราะรสชาติไม่เข้มจนเกินไป ถ้าปรุงหวานหรือเติมไซรัปเข้าไปสักหน่อยก็จะอร่อย ทานง่ายกว่ากาแฟทุกชนิดเลยก็ว่าได้ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลให้ลาเต้เป็นประเภทกาแฟที่ป๊อปปูล่าที่สุดในเหล่าบรรดากาแฟแล้วล่ะ นอกจากนี้ ยังมีกิมมิคของเครื่องดื่มอย่างกาแฟที่เรารู้จักกันก็คือ “Latte Art” คือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟให้เกิดเป็นลวดลายต่างๆ  ด้วยการใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและโฟมนมลงบนกาแฟนั่นเอง ทั้งนี้ ลาเต้อาร์ตไม่ได้มีเฉพาะกาแฟลาเต้เท่านั้น กาแฟชนิดอื่นที่มีนมเป็นส่วนผสมก็สามารถเติมลวดลายลงไปได้เช่นกันค่ะ

.

ลาเต้ ประกอบไปด้วย
เอสเปรสโซ 1 ส่วน และนมร้อน 2-3 ส่วน
อาจจะมีฟองนมด้านบนด้วยก็ได้