5 กาแฟแต่ละประเภทที่ Coffee Lovers ต้องรู้

กาแฟเครื่องดื่มแก้ง่วงสุดคลาสิกของใครหลายคนที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน และยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษา หรือวัยทำงานก็มักจะเลือกดื่มกาแฟกันเป็นชีวิตจิตใจ เครื่องดื่มสีเข้มที่ผสมผสานส่วนผสมเข้ากันอย่างลงตัว ด้วยความซับซ้อนและความละเอียดในการนำวัตถุดิบแต่ละอย่างที่มีปริมาณไม่เท่ากัน รังสรรค์ขึ้นมาเป็นเมนูใหม่ที่ให้รสชาติและความละมุนต่างกัน กลายเป็นกาแฟแต่ละประเภทที่ตอบโจทย์ ‘คอกาแฟ’ รวมถึงผู้ที่ไม่ชื่นชอบลิ้มรสขมของกาแฟสักเท่าไหร่ก็สามารถทานได้ กลิ่นหอมและรสชาติที่กลมกล่อมอันเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้ใครหลายคนหลงใหลกาแฟไปแล้วแบบไม่รู้ตัว…

 5 กาแฟแต่ละประเภทที่เป็นพื้นฐานของคอกาแฟที่ควรรู้ไว้ และเป็นที่นิยมในบ้านเรา

Espresso (เอสเปรสโซ)

Espresso (เอสเปรสโซ)

ประกอบไปด้วย กาแฟล้วน ที่ไม่มีส่วนผสมของนมใดๆ ทั้งสิ้น ถูกชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด ที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ “espresso” มาจากคำภาษาอิตาลี แปลว่า เร่งด่วน กาแฟที่รสชาติเข้มที่สุด เป็นตัวตั้งต้นในการชงกาแฟสูตรอื่นๆ ซึ่งถือเป็นส่วนผสมสำคัญเลยก็ว่าได้ เป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลี คอกาแฟตัวจริงมักจะดื่มโดยไม่ปรุงน้ำตาลหรือนมเพิ่มเติม ทำให้ได้สัมผัสรสชาติของกาแฟอย่างเท้จริง
*Espresso คือ กาแฟที่สกัดออกมาเป็นช็อตๆ เพื่อเป็นตัวตั้งต้นในการชงกาแฟสูตรอื่นๆนั่นเอง

Caffe latte (ลาเต้)

Caffe latte (ลาเต้)

ประกอบไปด้วย เอสเปรสโซ 1 ส่วน และนมร้อน 2-3 ส่วน อาจจะมีฟองนมด้านบนด้วยก็ได้ “latte” แปลตามภาษาอิตาลีแปลว่า “นม” มีรสชาติหอมมัน นุ่มละมุนลิ้น ไม่เข้มจนเกินไป ทานง่ายกว่ากาแฟทุกชนิด จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือการวาดลายหรือเทโฟมนมลงในถ้วยกาแฟให้เป็นลวดลายต่างๆ สวยงาม หรือที่เราเรียกกันว่า “Latte Art” แต่ไม่ได้มีเฉพาะกาแฟลาเต้เท่านั้น กาแฟชนิดอื่นที่มีนมผสมอยู่ ก็สามารถเติมลวดลายลงไปได้เช่นกันจ้า

Cappuccino (คาปูชิโน)

Cappuccino (คาปูชิโน)

ประกอบด้วย เอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อนผ่านไอน้ำหรือนมสตรีม 1/3 ส่วน และนมตีโฟม 1/3 ส่วน ลอยอยู่ด้านบน ในสัดส่วนเท่าๆกัน มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี อีกหนึ่งเมนูซึ่งได้รับความนิยมรองจากลาเต้ เพราะมีส่วนผสมของนม ด้วยฟองนมนุ่มๆอยู่ด้านบนตัวกาแฟ โรยด้วยผงโกโก้ หรือผงซินนามอนเล็กน้อย ถือเป็นจุดเด่นของคาปูซิโนเลยทีเดียว ให้รสชาติที่นุ่มละมุน ทานง่าย รสชาติคล้ายลาเต้ แต่ตัวคาปูชิโนจะมีความเข้มกว่า

Americano (อเมริกาโน่)

Americano (อเมริกาโน่)

ประกอบด้วย เอสเปรสโซ 1 ส่วน และน้ำร้อน 1 ส่วน อเมริกาโน่จริงๆแล้วคือการใช้กาแฟเอสเปรสโซนั้นแหละ ชงโดยการเติมน้ำร้อนลงไปนั่นเอง เพื่อเป็นการเจือจางความเข้มของเอสเปรสโซลง แต่คงยังมีกลิ่นและรสชาติที่เข้มจากเอสเพรสโซอยู่ หรือที่เราเรียกว่า กาแฟดำ ให้คุณได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟได้อย่างเต็มเปี่ยม อีกหนึ่งทางเลือกของคอกาแฟ สำหรับผู้กำลังลดความอ้วน หรือรักษาหุ่น เพราะไม่มีส่วนผสมของนมและน้ำตาล

Caffè Mocha (มอคค่า)

Caffè Mocha (มอคค่า)

ประกอบไปด้วย เอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วน นมร้อน 2/3 ส่วน และช็อคโกแลต เพิ่มกิมมิคด้วยวิปปิ้งครีมด้านบน จุดเด่นของ มอคค่า คือ กาแฟที่มีส่วนผสมของช็อคโกแลตนั่นเอง รสชาติหอมของตัวกาแฟหน่อยผสมผสานความหวานมันของนมและช็อคโกแลตได้อย่างลงตัว เป็นกาแฟอีกประเภทหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างจากกาแฟประเภทอื่นๆ นอกจากนั้นยังปิดท้ายด้วยวิปปิ้งครีม ราดด้วยไซรัปช็อคโกแลตสุดแสนจะลงตัว
*ควรตักวิปปิ้งครีมทานเป็นคำๆควบคู่กันไป ไม่ควรคนวิปปิ้งครีมผสมกับกาแฟ ไม่งั้นจะเสียรสชาตินะคะ