วิธีทดสอบหรือลองชิมรสชาติของกาแฟ (cupping) จะสามารถทำให้ทราบถึงรสชาติต่างๆ ของกาแฟได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ความหวาน เปรี้ยว ขม ฟาด และกลิ่นผลไม้ต่างๆ ซึ่งกาแฟแต่ละประเภทจะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน เนื่องจากถูกปลูกกันคนละพื้นที่ แต่ละพื้นที่มีสภาพภูมิศาสตร์และภูมิอากาศที่ต่างกัน ส่งผลให้การปลูกกาแฟนั้นได้ รสชาติและคุณภาพที่ต่างกัน ซึ่งหนึ่งในรสชาติที่เป็นจุดเด่นของกาแฟหรือข้อสงสัยของใครหลายๆคนคือ ความเปรี้ยว (acidity)

ความเปรี้ยวเป็นกรด?

ความเปรี้ยวเป็นกรดชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าใช้กรรมวิธีสกัดเย็น (cold drip / cold brew) จะทำให้กรดตัวนี้น้อยกว่า การชงกาแฟแบบสกัดร้อน ซึ่งความเปรี้ยวสามารถถูกวัดได้ด้วยค่า pH (วัดความเป็นกรด-ด่าง) ซึ่งกาแฟมีค่า pH อยู่ที่ 5 เมื่อเทียบกับไวน์ (ไวน์เป็นมาตารฐานการเปรียบเทียบของกาแฟ)ซึ่งมีค่า pH อยู่ที่ 2 จะเห็นได้ว่า กาแฟมีความเป็นกรดที่ต่ำกว่า ไวน์ ทำให้เป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่า (เทียบเฉพาะความเป็นกรด)

ข้อดีของความเปรี้ยวของกาแฟ

1. ให้ความสดชื่นแก่ร่างกาย
2. กรดความเปรี้ยวของกาแฟทำให้สัมผัสได้ถึงรสชาติหวานของกาแฟ

การคั่วกาแฟมีผลต่อความเปรี้ยว?

ระดับความเปรี้ยวของกาแฟสามารถควบคุมได้จากการคั่วกาแฟ เรียงลำดับจากเปรี้ยวมากไปน้อย ได้แก่ คั่วอ่อน >คั่วกลาง > คั่วเข้ม

1. คั่วอ่อน รสชาติทุกรสชาติของกาแฟยังอยู่ครบ มีความเปรี้ยวสูงสุด เหมาะกับการทำกาแฟร้อน
2. คั่วกลาง รสชาติขมเพิ่มขึ้นมา ความเปรี้ยวลดลง เหมาะกับการทำกาแฟร้อนหรือเย็น
3. คั่วเข้ม รสชาติขมสูงสุด ความเปรี้ยวหายไป เหมาะกับการทำกาแฟเย็น

ดังนั้น ถ้าไม่อยากทานกาแฟเปรี้ยวมากจนเกินไป ให้ใช้กาแฟคั่วกลาง-เข้ม ถ้าชอบกาแฟเข้มๆ ให้ใช้กาแฟคั่วเข้ม

ความเปรี้ยวที่เกิดจากกาแฟนั้น เป็นกาแฟที่เสียหรือไม่?

ขอตอบได้เลยว่า ความเปรี้ยวของกาแฟคือหนึ่งในเอกลักษณ์หรือรสชาติหลักของกาแฟเลยก็ว่าได้ ส่วนกาแฟที่หมดสภาพจะมีกลิ่นเหม็นหืนมากกว่า